tag:blogger.com,1999:blog-76063038318758753272023-11-15T07:26:27.934-08:00เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครูAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/12859495654903726330noreply@blogger.comBlogger7125tag:blogger.com,1999:blog-7606303831875875327.post-48958977700150472742013-01-17T04:45:00.003-08:002013-01-17T04:45:44.484-08:00<br />
<blockquote>
การสืบค้นข้อมูล<br />ความหมายของเครื่องช่วยค้นหา(Search Engines)<br /> คือ เครื่องมือหรือเว็บไซต์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลและข่าวสาร ที่อยู่ของเว็บไซต์ (Address) ต่าง ๆ ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เนื่องจากปัจจุบันการใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีการพัฒนาไปค่อนข้างมาก และโดยการใช้งานที่สะดวกขึ้น ทำให้เว็บที่เป็นแหล่งรวมข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นอย่างมากมายมหาศาล<br />ประเภทของเครื่องช่วยค้นหา (Search Engines)<br />อินเด็กเซอร์ (Indexers)<br />Search Engines แบบอินเด็กเซอร์จะมีโปรแกรมช่วยจัดการหาข้อมูลในการค้นหา หรือที่เรียกว่า Robot วิ่งไปมาในอินเทอร์เน็ตโดยอัตโนมัติ เพื่ออ่านข้อมูลจากเว็บเพจ (Web Pages) ต่าง ๆ ทั่วโลกมาจัดทำเป็นฐานข้อมูลไว้ โดยจะใช้ตัวอินเด็กซ์ (Index) ค้นหาจากข้อความในเว็บเพจที่ได้สำรวจมาแล้ว<br />ตัวอย่างของเว็บไซด์ที่ให้บริการตามแบบอินเด็กเซอร์<br /> - http://www.altavista.com - http://www.excite.com<br /> - http://www.hotbot.com - http://www.magellan.com<br /> - http://www.webcrawler.com<br />ไดเร็กทอรี (Directories)<br />Search Engines แบบไดเร็กทอรีจะใช้การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ซึ่งก็เปรียบเสมือนกับเป็นแค็ตตาล็อกสินค้า (Catalog) เราสามารถเลือกจากหมวดหมู่ใหญ่ แล้วเลือกดูหมวดหมู่ย่อย ๆ ลงไปเรื่อย ๆ จนพบกับข้อมูลที่ต้องการ โดยจะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่ง URL และรายละเอียดเกี่ยวกับ URL นั้น ๆ ซึ่งได้มาจากการวิเคราะห์เนื้อหาของแต่ละเว็บเพจว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร<br />ตัวอย่างของเว็บไซต์ที่ให้บริการด้วยไดเร็กทอรี<br />- http://www.yahoo.com - http://www.lycos.com<br />- http://www.looksmart.com - http://www.galaxy.com<br />- http://www.askjeeves.com - http://www.siamguru.com<br />เมตะเสิร์ช (Meta search)<br />Search Engines แบบเมตะเสิร์ชจะใช้หลาย ๆ วิธีการมาช่วยในการค้นหาข้อมูล โดยจะรับคำสั่งค้นหาจากเรา แล้วส่งต่อไปยังเว็บไซต์ที่เป็น Search Engines หลาย ๆ แห่งพร้อม ๆ กัน ทำให้เราสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ Search Engines ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จะสรุปแสดงผลลัพธ์ออกมา<br />ตัวอย่างของเว็บไซต์ที่ให้บริการด้วยเมตะเสิร์ช<br />- http://www.dogpile.com<br />- http://www.profusion.com<br />- http://www.metacrawler.com<br />- http://www.highway61.com<br />- http://www.thaifind.com<br />เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลที่ได้รับความนิยม<br />Yahoo<br />เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลแบบไดเร็กทอรี่<br />เป็นรายแรกในอินเทอร์เน็ต และเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานสูงสุดในปัจจุบัน เพราะมีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ และผู้ใช้บริการมีโอกาสที่จะได้รับข้อมูลตรงกับความต้องการสูง การใช้งาน Yahoo แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ การค้นหาในแบบเมนู และการค้นหาแบบวิธีระบุคำที่ต้องการค้นหา<br />Alta vista<br />เป็น Search Engines ของบริษัท Digital Equipment Corp. หรือ DEC ซึ่งมีฐานข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มาก และมีโปรแกรมที่ช่วยในการค้นหาที่มีความสามารถสูงเป็นจุดเด่น โดยมีเว็บเพจอินเด็กซ์ (Indexed Web Pages) เป็นจำนวนมากกว่า150 ล้านเว็ปเพจที่เราสามารถใช้ในการค้นหาข้อมูล<br />Excite<br />เป็น Search Engines ที่มีจำนวนไซต์ (site) ในคลังข้อมูลมากที่สุดตัวหนึ่งและสามารถค้นหาข้อมูลที่เป็นคำหรือความหมายของคำได้ โดยจะทำการค้นหาข้อมูลจาก World Wide Web และ Newsgroups เป็นหลัก จากการที่ excite มีข้อมูลในคลังข้อมูลเป็นจำนวนมาก ทำให้ผลลัพธ์ในการค้นหาข้อมูลที่ได้มีเป็นจำนวนมากตามไปด้วย<br />Hot-bot<br />เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลที่ได้รับความนิยมอีกเว็บไซต์หนึ่ง มีจุดเด่นตรงที่สามารถกำหนดเงื่อนไขขั้นสูงได้ง่ายกว่าเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ<br />Go.com<br />เว็บไซต์ที่มีการนำเสนอข่าวทันเหตุการณ์ต่าง ๆ จากแหล่งข่าวต่าง ๆ เป็นจำนวนมากตลอดจนข่าวในด้านบันเทิง (Entertainment News) นอกจากนี้ยังมีการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ต่าง ๆ<br />Lycos<br />ฐานข้อมูลของ Lycos มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งมีคลังข้อมูลมากกว่า 1,500,000 ไซต์และมีเทคนิคในการค้นหาข้อมูลที่ดีมากด้วย โดยมีระบบการค้นหาข้อมูลที่รวดเร็วที่สามารถลงไปค้นหาข้อมูลจาก World Wide Web ได้ทุกรูปแบบจนถึงการค้นเป็นคำต่อคำ<br />Look smart<br />เกิดขึ้นจากความคิดของชาวออสเตรเลีย 2 คนที่ไม่ประทับใจการค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตสมัยนั้น โดยขอความช่วยเหลือทางการเงินจาก Reader’s Digest ทั้งสองจึงลงมือสร้างเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลที่คำนึงถึงความใช้ง่ายให้เหมะกับทั้งมือใหม่และผู้ที่ชำนาญอินเทอร์เน็ต<br />Web Crawler<br />เป็นเว็บไซต์ที่มีคลังข้อมูลอยู่ในระดับปานกลาง การค้นหาข้อมูลของ WebCrawlerจะมีข้อจำกัดก็คือ ใช้ค้นหาข้อมูลที่เป็นวลีหรือข้อความทั้งข้อความไม่ได้ จะสามารถค้นหาข้อมูลได้เฉพาะที่เป็นคำ ๆ เท่านั้น<br />Dog pile<br />เป็นเว็บไซต์ประเภทเมตะเสิร์ชที่ใช้งานง่าย และค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยการพิมพ์คำที่เราต้องการค้นหาลงในช่องค้นหา และคลิกปุ่ม Fetch โดยผลลัพธ์ของการค้นหาจะถูกแสดงขึ้นมาบนจอภาพอย่างรวดเร็ว<br />Ask Jeeves<br />เป็นเว็บไซต์น้องใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในอินเทอร์เน็ต โดยเราสามารถถามคำถามที่เราอยากรู้โดยพิมพ์คำถามลงไปในช่องกรอกข้อความ และคลิกปุ่ม Ask แล้ว Ask Jeeves จะไปทำการค้นหาคำตอบ (Answer) จากเว็บไซต์ต่าง ๆ ให้เรา<br />Pro Fusion<br />เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลแบบเมตะเสิร์ช โดยค้นหาข้อมูลจาก Search Engines ที่ได้รับความนิยมถึง 9 แห่งด้วยกัน โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Search Engines ใดในการค้นหาข้อมูลทำให้สามารถค้นหาข้อมูลได้สะดวกรวดเร็วและตรงกับความต้องการ<br />Simulacrum<br />siamguru.com ภายใต้สมญานาม “เสิร์ชฯ ไทยพันธุ์แท้” (Real Thai Search Engine) เป็นเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือค้นหาสำหรับคนไทยที่ดีที่สุดในประเทศไทย โดยให้บริการค้นหาข้อความแบบธรรมดาและแบบพิเศษ ค้นหาภาพ ค้นหาเพลง นักร้องต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยีการค้นหาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับการค้นหาภาษาไทย ตลอดจนมีระบบการเก็บข้อมูลใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา<br />การใช้งาน Search Engines<br />การระบุคำที่ต้องการค้นหาหรือใช้คีย์เวิร์ด Yahoo.com<br />การค้นหาข้อมูลด้วยวิธีนี้ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะต้องป้อนข้อความที่ต้องการค้นหาหรือเรียกว่าคีย์เวิร์ด (Keyword) ลงไปในช่องสำหรับกำหนดการค้นหา ในเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูล<br />การค้นหาจากหมวดหมู่ (Directories)<br />ในปัจจุบันเว็บไซต์ประเภท ต่าง ๆ มักจะมีการค้นหาแบบระบุคำหรือใช้คีย์เวิร์ด และการค้นหาจากหมวดหมู่ควบคู่กันไป ซึ่งการค้นหาจากหมวดหมู่จะมีการแบ่งหัวข้อต่าง ๆ ออกเป็นหัวข้อหลัก และในแต่ละหัวข้อหลักก็ประกอบไปด้วยหัวข้อย่อยลงไปเรื่อย ๆ ผู้ใช้สามารถคลิกที่ลิงก์ ไปยังหัวข้อย่อยต่าง ๆ จนพบกับข้อมูลที่ต้องการ<br />เทคนิคในการค้นหาข้อมูล<br />เทคนิคสำคัญที่ช่วยให้การค้นหาข้อมูลประสบความสำเร็จมีอะไรบ้าง<br />เทคนิคและวิธีการที่ช่วยให้การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตประสบความสำเร็จ ได้แก่<br />1. บีบประเด็นให้แคบลง เนื่องจากจำนวนข้อมูลที่มีมากมายในอินเทอร์เน็ตทำให้การค้นหาได้ผลลัพธ์<br />ออกมาเป็นจำนวนมาก<br />2. ใช้สิ่งที่เรียกว่าออปชัน (Option) เป็นตัวช่วยในการค้นหาข้อมูล ซึ่งเว็บไซต์ที่เป็น Search Engines<br />ส่วนใหญ่จะมีให้อยู่แล้ว<br />3. อย่าค้นหาคำที่เราต้องการเท่านั้น ควรจะค้นหาคำที่มีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันด้วย<br />4. หลีกเลี่ยงการค้นหาคำที่เป็นคำเดี่ยว ๆ หรือมีตัวเลขปนอยู่ เช่น NT หรือ 3D แต่ถ้าต้องการ<br />ค้นหาจริง ๆ จะต้องใส่เครื่องหมายคำพูดลงไปด้วย (“ ”)<br />5. พวกกลุ่มคำ หรือวลี ก็ต้องใส่เครื่องหมายคำพูดลงไปเช่นเดียวกัน<br />6. หลีกเลี่ยงคำจำพวก Natural Language (ภาษาพูด)<br />7. ควรใช้สิ่งที่เรียกว่า Advanced Search หรือ Power Search เข้ามาช่วย เพราะจะทำให้<br />ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของเรามากกว่าการค้นหาแบบธรรมดา<br />8. พยายามอย่าตั้งคำถามโดยมีคำนำหน้านาม (Articles) นำหน้าคำที่เราต้องการค้นหา<br />เช่น การใช้ an หรือ the นำหน้า<br />9. ตรวจสอบข้อความหรือคำที่ต้องการค้นหาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้พิมพ์หรือสะกดคำผิด<br />10. ถ้าผลลัพธ์ที่ได้จากคำถามครั้งแรกไม่ตรงกับความต้องการของเรา ให้ทดลองเปลี่ยน<br />คำถามเล็กน้อย<br />11. คำที่มีความหมายเหมือนกันหรือคล้ายกัน (Synonym) ยกตัวอย่างเช่น คำว่า<br />“Mother Board” เราสามารถใช้คำว่า “Main board” แทนได้<br />12. ถ้าคำถามของเรามีคำที่ต้องแยกจากัน เช่น คำว่า “Mother Board” เราจำเป็นต้องใ<br />ช้เครื่องหมายอัญประกาศ หรือเครื่องหมายคำพูด (“ ”) เพราะจะทำให้ Search<br />Engines มองรูปของคำว่า “Mother Board” เป็นข้อความเดียวกัน<br />13. ใช้ Help ให้เป็นประโยชน์ เพราะ Help เหล่านั้นจะมีเทคนิคหรือวิธีการของแต่ละ Search Engines<br />ที่ช่วยแนะนำเทคนิคต่าง ๆ ที่สามารถใช้ได้หรือไม่ได้บนเว็บ Search Engines นั้น ๆ และยังมีข้อมูลที่<br />เป็นประโยชน์ต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งจะช่วยให้เราได้รับความสะดวกรวดเร็วในการค้นหาด้วย<br />การใช้โปรแกรมเบราว์เซอร์ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต<br />การค้นกาข้อมูลโดย Internet Explorer<br />1.คลิกเม้าส์ที่ปุ่ม Search บนแถบเครื่องมือ<br />2.จะปรากฏหน้าต่าง Search ขึ้นมาทางด้านซ้ายของหน้าต่าง คลิกที่ปุ่ม Customize<br />3.จะปรากฏหน้าต่าง Customize Search Setting บนจอภาพ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ามี Search<br />Engines ต่าง ๆ ให้เราสามารถเลือกใช้ในการค้นหาข้อมูล<br />4.คลิกที่ปุ่ม OK<br />5.เลือกสิ่งที่ต้องการให้โปรแกรม Internet Explorer ค้นหา<br />6.กรอกข้อความ แล้วคลิกเม้าส์ที่ปุ่ม เพื่อเริ่มต้นการค้นหา<br />7.จะปรากฏรายชื่อเว็บไซต์ที่มีข้อมูลที่เราต้องการ เราสามารถคลิกเม้าส์ที่ชื่อเว็บไซต์เหล่านั้น<br />ได้ทันที</blockquote>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/12859495654903726330noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7606303831875875327.post-75374331829612086282013-01-10T22:56:00.001-08:002013-01-10T22:56:25.023-08:00คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์<span style="font-family: Lobster;"></span><br />
<br />
<blockquote class="tr_bq" style="font-size: small; font-weight: bold;">
<span style="font-family: Lobster;"><span style="line-height: 25px;">คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์</span><span style="line-height: 25px;">คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องมือหรืออุปกรณ์ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานด้วยคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือโปรแกรมต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายได้หลายแบบ ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์คือมีศักยภาพสูงในการคำนวณประมวลผลข้อมูลทั้งที่เป็นตัวเลข รูปภาพ ตัวอักษร และเสียง</span><span style="line-height: 25px;">ส่วนประกอบสำคัญของคอมพิวเตอร์</span><span style="line-height: 25px;">คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ </span><span style="line-height: 25px;">หมายถึง ส่วนที่ประกอบเป็นคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็น 5 ส่วน คือ </span><span style="line-height: 25px;">ส่วนที่ 1 หน่วยรับข้อมูลเข้า (Input Unit)</span><span style="line-height: 25px;">เป็นวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาเชื่อมต่อ ทำหน้าที่ป้อนสัญญาณเข้าระบบ เพื่อกำหนดให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามต้องการ ได้แก่</span><span style="line-height: 25px;">- แป้นอักขระ (Keyboard)</span><span style="line-height: 25px;">- แผ่นซีดี (CD-Rom)</span><span style="line-height: 25px;">-ไมโครโฟน (Microphone) เป็นต้น</span><span style="line-height: 25px;">ส่วนที่ 2 หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit)</span><span style="line-height: 25px;">ทำหน้าที่เกี่ยวกับการคำนวณทางตรรกะและคณิตศาสตร์ ร่วมถึงการประมวลข้อมูลตามคำสั่งที่ได้รับ</span><span style="line-height: 25px;">ส่วนที่่ 3 หน่วยความจำ (Memory Unit)</span><span style="line-height: 25px;">ทำหน้าที่เก็บข้อมูลหรือคำสั่งที่ส่งมาจากหน่วยรับข้อมูลเพื่อเตรียมส่งไปประมวลผลยังหน่วยประมวลผลกลาง และเก็บผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลแล้วเพื่อเตรียมส่งไปยังหน่วยแสดงผล</span><span style="line-height: 25px;">ส่วนที่ 4 หน่วนแสดงผล (Output Unit)</span><span style="line-height: 25px;">ทำหน้าที่แสดงข้อมูลที่คอมพิวเตอร์ทำการประมวลผล หรือผ่านการคำนวณแล้ว</span><span style="line-height: 25px;">ส่วนที่ 5 อุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ (Peripheral Equipment)</span><span style="line-height: 25px;">เป็นอุปกรณ์ที่นำมาต่อพ่วงกับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยประสิทธิภาพในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น เช่น โมเด็ม (Modem) แผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่าย เป็นต้น</span><span style="line-height: 25px;">ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์</span><span style="line-height: 25px;">1.มีความเร็วในการทำงานสูง สามารถประมวลผลคำสั่งได้รวดเร็วเพียงชั่ววินาที จึงใช้งานคำนวณต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว</span><span style="line-height: 25px;">2.มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ใช้แทนกำลังคนได้มาก</span><span style="line-height: 25px;">3.มีความถูกต้องแม่นยำ ตามโปรแกรมสั่งงานและข้อมูลที่ใช้</span><span style="line-height: 25px;">4.เก็บข้อมูลได้มาก ไม่เปลืองเนื้อที่เก็บเอกสาร</span><span style="line-height: 25px;">5.สามารถโอนย้ายข้อมูลจากเครื่องหนึ่งไปยังเครื่องหนึ่งผ่านระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน</span><span style="line-height: 25px;"> ระบบคอมพิวเตอร์</span><span style="line-height: 25px;">หมายถึง กรรมวิธีที่คอมพิวเตอร์ทำการใดๆ กับข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ตามความประสงค์ของผู้ใช้งานให้มากที่สุด เช่น ระบบเสียภาษี ระบบทะเบียบราษฎร์ ระบบทะเบียนการค้า ระบบเวช ทะเบียบของโรงพยาบาล เป็นต้น</span><span style="line-height: 25px;">การเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้โดยการตรวจสอบจากการประมวลผลของระบบคอมพิวเตอร์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง</span><span style="line-height: 25px;">องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์</span><span style="line-height: 25px;">ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน ดังนี้</span><span style="line-height: 25px;">1.ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หรือส่วนเครื่อง</span><span style="line-height: 25px;">2.ซอฟต์แวร์ (Software) หรือส่วนชุดคำสั่ง</span><span style="line-height: 25px;">3.ข้อมูล (Data)</span><span style="line-height: 25px;">4.บุคลากร (Peopleware)</span><span style="line-height: 25px;">ฮาร์ดแวร์ (Hardware) </span><span style="line-height: 25px;">หมายถึง ตัวเครื่องและอุปกรณ์ส่วนต่างๆ ที่เราสามารถสัมผัสและจับต้องได้ ฮาร์ดแวร์ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน ดังนี้</span><span style="line-height: 25px;">1.ส่วนประมวลผล (Precessor)</span><span style="line-height: 25px;">2.ส่วนความจำ (Memory)</span><span style="line-height: 25px;">3.อุปกรณ์รับเข้าและส่งออก (Input-Output Devices)</span><span style="line-height: 25px;">4.อุปกรณ์หน่วยเก็บข้อมูล (Storage Devices)</span><span style="line-height: 25px;">ส่วนที่ 1 CPU </span><span style="line-height: 25px;">CPU เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เปรียบเสมือนสมอง มีหน้าที่หลักในการควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ ประมวลผลและเปรียบเทียบข้อมูลโดยทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลดิบและแปลงให้เป็นสารสนเทศที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ความสามารถของ ซีพียู นั้น พิจารณาจากความเร็วของการทำงาน การรับส่งข้อมูล อ่านและเขียนข้อมูลในหน่วยความจำ ความเร็วของซีพียูขึ้นอยู่กับตัวให้จังหวะที่เรียกว่า สัญญาณนาฬิกาเป็นความเร็วของจำนวณรอบสัญญาณใน 1 วินาที มีหน่วยเป็น เฮิร์ตซ์ (Hertz) เช่น สัญญาณความเร็ว 1 ล้านรอบใน 1 วินาที เทียบเท่าความเร็วสัญญาณนาฬิกา 1 จิกะเฮิร์ตซ์ (1 GHz)</span><span style="line-height: 25px;">ส่วนที่ 2 หน่วยความจำ (Memory)</span><span style="line-height: 25px;">จำแนกออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้</span><span style="line-height: 25px;">1.หน่วยความจำหลัก (Main Memory)</span><span style="line-height: 25px;">2.หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage)</span><span style="line-height: 25px;"><br /></span><span style="line-height: 25px;">1.หน่วยความจำหลัก (Main Memory)</span><span style="line-height: 25px;">เป็นหน่วยเก็บข้อมูลและคำสั่งต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย</span><span style="line-height: 25px;">ชุดความจำข้อมูลที่สามารถบอกตำแหน่งที่เก็บข้อมูลหรือคำสั่ง ข้อมูลจะถูกนำไปเก็บไว้และสามรถนำออกมาใช้ในการประมวลผลภายหลัง โดย CPU ทำหน้าที่ในการนำข้อมูลเข้าและนำออกจากหน่วยความจำการทำงานของคอมพิวเตอร์ต้องใช้พื้นที่ของหน่วยความจำในการทำงานประมวลผลและเก็บข้อมูล ขนาดความจุของหน่วยความจำ คำนวณได้จากค่าจำนวนพื้นที่ที่สามารถใช้ในการเก็บข้อมูล จำนวนพื้นที่คือจำนวนข้อมูล และขนาดของโปรแกรมที่สามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุด พื้นที่หน่วยความจำมีมากจะทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วมากยิ่งขึ้น</span><span style="line-height: 25px;">หน่วยประมวลผลกลาง CPU </span><span style="line-height: 25px;">หน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU มีความหมายทางด้านฮาร์ดแวร์ 2 อย่าง คือ</span><span style="line-height: 25px;">1.ชิป (Chip) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="font-size: small; font-weight: bold;">
<span style="font-family: Lobster;"><span style="background-color: #f3f3f3;"><img src="http://4.bp.blogspot.com/-maFpVg8IFvM/UNaXc7djWvI/AAAAAAAAAHk/SihmTkfWzw0/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E3.jpg" style="-webkit-box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; background-attachment: initial; background-clip: initial; background-image: initial; background-origin: initial; border-bottom-color: transparent; border-bottom-left-radius: 0px 0px; border-bottom-right-radius: 0px 0px; border-bottom-style: solid; border-bottom-width: 1px; border-left-color: transparent; border-left-style: solid; border-left-width: 1px; border-right-color: transparent; border-right-style: solid; border-right-width: 1px; border-top-color: transparent; border-top-left-radius: 0px 0px; border-top-right-radius: 0px 0px; border-top-style: solid; border-top-width: 1px; box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; font-size: 13px; font-weight: normal; padding-bottom: 8px; padding-left: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" /></span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;"> 2.ตัวกล่องเครื่องที่มี CPU บรรจุอยู่</span></blockquote>
<span style="font-family: Lobster;"><br /></span>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;"><span style="background-color: white;"><img src="http://3.bp.blogspot.com/-Xyte9Pq3v_0/UNakVG7fGjI/AAAAAAAAAJE/usH6lMRjgtg/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E4.jpg" style="-webkit-box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; background-attachment: initial; background-clip: initial; background-image: initial; background-origin: initial; border-bottom-color: transparent; border-bottom-left-radius: 0px 0px; border-bottom-right-radius: 0px 0px; border-bottom-style: solid; border-bottom-width: 1px; border-left-color: transparent; border-left-style: solid; border-left-width: 1px; border-right-color: transparent; border-right-style: solid; border-right-width: 1px; border-top-color: transparent; border-top-left-radius: 0px 0px; border-top-right-radius: 0px 0px; border-top-style: solid; border-top-width: 1px; box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; color: white; font-size: 13px; line-height: 25px; padding-bottom: 8px; padding-left: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" /></span></span></blockquote>
<span style="font-family: Lobster;"><br /></span>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;"> 1.หน่วยความจำหลัก</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">แบ่งได้ 2 ประเภทคือ หน่วยความจำแบบ "แรม" (RAM) และหน่วยความจำแบบ "รอม" (ROM)</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">1.1 หน่วยความจำแบบ "แรม" (RAM = Random Access Memory)</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">เป็นหน่วยความจำที่ต้องอาศัยกระแสไฟฟ้าเพื่อรักษาข้อมูล ข้อมูลหรือแฟ้มข้อมูลจะถูกเก็บไว้ชั่วคราวขณะทำงาน ข้อมูลที่อยู่ในหน่วยความจำจะอยู่ได้นานจนกว่าจะปิดเครื่อง หรือไม่มีกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับเครื่อง เราเรียกหน่วยความจำประเภทนี้ว่า หน่วยความจำแบบลบเลือนได้ (Volatile Memory)</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">ลักษณะของหน่วยความจำ RAM</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;"><span style="background-color: white;"><img src="http://4.bp.blogspot.com/-0G0j5Mp0-xo/UNaWtRsfW4I/AAAAAAAAAHU/_8J6ABO51A4/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E1.jpg" style="-webkit-box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; background-attachment: initial; background-clip: initial; background-image: initial; background-origin: initial; border-bottom-color: transparent; border-bottom-left-radius: 0px 0px; border-bottom-right-radius: 0px 0px; border-bottom-style: solid; border-bottom-width: 1px; border-left-color: transparent; border-left-style: solid; border-left-width: 1px; border-right-color: transparent; border-right-style: solid; border-right-width: 1px; border-top-color: transparent; border-top-left-radius: 0px 0px; border-top-right-radius: 0px 0px; border-top-style: solid; border-top-width: 1px; box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; color: white; font-size: 13px; line-height: 25px; padding-bottom: 8px; padding-left: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" /></span></span></blockquote>
<span style="font-family: Lobster;"><br /></span>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">1.2 หน่วยความจำแบบ "รอม" (ROM = Read Only Memory)</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">เป็นหน่วยความจำที่ใช้เก็บโปรแกรมหรือข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ข้อมูลที่ถาวรไม่ขึ้นกับไฟฟ้าที่ป้อนให้กับวงจร ยอมให้ซีพียูอ่านข้อมูลหรือโปรแกรมไปใช้งานอย่างเดียวไม่สามารถเขียนข้อมูลลงไปเก็บไว้ได้โดยง่ายส่วนใหญ่ใช้เก็บข้อมูลควบคุม เราเรียกหน่วยความจำประเภทนี้ว่า หน่วยความจำแบบไม่ลบเลือน (Nonvolatile Memory)</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">ชิปหน่วยความจำแบบรอม (ROM Chip)</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;"><span style="background-color: white;"><img src="http://2.bp.blogspot.com/-HYxa-B05rH4/UNaX3tHwRuI/AAAAAAAAAH0/tHnPOflhcoM/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E5.jpg" style="-webkit-box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; background-attachment: initial; background-clip: initial; background-image: initial; background-origin: initial; border-bottom-color: transparent; border-bottom-left-radius: 0px 0px; border-bottom-right-radius: 0px 0px; border-bottom-style: solid; border-bottom-width: 1px; border-left-color: transparent; border-left-style: solid; border-left-width: 1px; border-right-color: transparent; border-right-style: solid; border-right-width: 1px; border-top-color: transparent; border-top-left-radius: 0px 0px; border-top-right-radius: 0px 0px; border-top-style: solid; border-top-width: 1px; box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; color: white; font-size: 13px; line-height: 25px; padding-bottom: 8px; padding-left: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" /></span> </span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">หน่วยความจำสำรอง (Secondary Memory Unit)</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">หน่วยความจำสำรอง หรือหน่วยเก็บข้อมูลรอง เป็นหน่วยเก็บที่สามารถรักษาข้อมูลได้ตลอดไปหลังจากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">หน่วยความจำรองมีหน้าที่หลักคือ</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">1.ใช้ในการเก็บข้อมูลหรือสำรองข้อมูลเพื่อใช้ในอนาคต</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">2.ใช้ในการเก็บข้อมูลโปรแกรมไว้อย่างถาวร</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">3.ใช้เป็นสื่อในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง</span></blockquote>
<span style="font-family: Lobster;"><br /></span>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;"><span style="background-color: white;"><img height="120" src="http://3.bp.blogspot.com/-Q4mHf43c26s/UNaY7FpisVI/AAAAAAAAAIA/igPKW4NbbYA/s200/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E6.jpg" style="-webkit-box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; background-attachment: initial; background-clip: initial; background-image: initial; background-origin: initial; border-bottom-color: transparent; border-bottom-left-radius: 0px 0px; border-bottom-right-radius: 0px 0px; border-bottom-style: solid; border-bottom-width: 1px; border-left-color: transparent; border-left-style: solid; border-left-width: 1px; border-right-color: transparent; border-right-style: solid; border-right-width: 1px; border-top-color: transparent; border-top-left-radius: 0px 0px; border-top-right-radius: 0px 0px; border-top-style: solid; border-top-width: 1px; box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; color: white; font-size: 13px; line-height: 25px; padding-bottom: 8px; padding-left: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" width="200" /></span> </span></blockquote>
<span style="font-family: Lobster;"></span><br />
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">ประโยชน์ของหน่วยความจำสำรอง</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">หน่วยความจำรองจะช่วยแก้ปัญหาการสูญหายของข้อมูลอันเนื่องมาจากไฟฟ้าดับเพราะข้อมูลต่างๆ ที่ส่งเข้ามาประมวลผล เมื่อเรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะถูกนำไปเก็บในความจำหลักประเภทแรม หากปิดเครื่องหรือมีปัญหาทางไฟฟ้า อาจทำให้ข้อมูลสูญหายจึงจำเป็นต้องมีหน่วยความจำสำรอง เพื่อนำข้อมูลจากหน่วยความจำแรมมาเก็บไว้ใช้งานในครั้งต่อไป หน่วยความจำประเภทนี้ส่วนใหญ่จะพบในรูปของสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลภายนอก เช่น ฮาร์ดดิสก์ แผ่นบันทึก ชิปดิสก์ ซีดีรอม ดีวีดี เทปแม่เหล็ก หน่วยความจำแบบแฟลช หน่วนความจำรองนี้ ถึงจะไม่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่เครื่องคอมพิวเตอร์ก็ยังสามารถทำงานได้ปกติ</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">ส่วนแสดงผลข้อมูล</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;">เครื่องพิมพ์ (Printer) เครื่องพิมพ์ภาพ (Plotter) และลำโพง (Speaker) เป็นต้น</span></blockquote>
<span style="font-family: Lobster;"><br /></span>
<span style="font-family: Lobster;">จอภาพ (Monitor)</span><br />
<span style="font-family: Lobster;"><br /></span>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Lobster;"><img src="http://3.bp.blogspot.com/-XEU7Qff-OVs/UNaaBK-AjMI/AAAAAAAAAIU/NMJCiREhhNA/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E8.jpg" style="-webkit-box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; background-attachment: initial; background-clip: initial; background-color: white; background-image: initial; background-origin: initial; border-bottom-color: transparent; border-bottom-left-radius: 0px 0px; border-bottom-right-radius: 0px 0px; border-bottom-style: solid; border-bottom-width: 1px; border-left-color: transparent; border-left-style: solid; border-left-width: 1px; border-right-color: transparent; border-right-style: solid; border-right-width: 1px; border-top-color: transparent; border-top-left-radius: 0px 0px; border-top-right-radius: 0px 0px; border-top-style: solid; border-top-width: 1px; box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; color: white; font-size: 13px; line-height: 25px; padding-bottom: 8px; padding-left: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" /></span></blockquote>
<span style="font-family: Lobster;"><br /></span>
<span style="font-family: Lobster;"> เครื่องพิมพ์ภาพ (Plotter)</span><br />
<span style="font-family: Lobster;"><br /></span>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="background-color: white;"><img src="http://4.bp.blogspot.com/-mxyh1x3qbZ4/UNabgJXp0sI/AAAAAAAAAIk/m6IGorqABHQ/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E10.jpg" style="-webkit-box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; background-attachment: initial; background-clip: initial; background-image: initial; background-origin: initial; border-bottom-color: transparent; border-bottom-left-radius: 0px 0px; border-bottom-right-radius: 0px 0px; border-bottom-style: solid; border-bottom-width: 1px; border-left-color: transparent; border-left-style: solid; border-left-width: 1px; border-right-color: transparent; border-right-style: solid; border-right-width: 1px; border-top-color: transparent; border-top-left-radius: 0px 0px; border-top-right-radius: 0px 0px; border-top-style: solid; border-top-width: 1px; box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; color: white; font-family: Lobster; font-size: 13px; line-height: 25px; padding-bottom: 8px; padding-left: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" /></span></blockquote>
<br />
เครื่องพิมพ์ (Printer)<br />
<br />
<blockquote class="tr_bq">
<span style="background-color: white;"><img src="http://3.bp.blogspot.com/-Qpk-fdOXPFU/UNabs3V9M1I/AAAAAAAAAIs/0IbFGKhgxR8/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E9.png" style="-webkit-box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; background-attachment: initial; background-clip: initial; background-image: initial; background-origin: initial; border-bottom-color: transparent; border-bottom-left-radius: 0px 0px; border-bottom-right-radius: 0px 0px; border-bottom-style: solid; border-bottom-width: 1px; border-left-color: transparent; border-left-style: solid; border-left-width: 1px; border-right-color: transparent; border-right-style: solid; border-right-width: 1px; border-top-color: transparent; border-top-left-radius: 0px 0px; border-top-right-radius: 0px 0px; border-top-style: solid; border-top-width: 1px; box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; color: white; font-family: Lobster; font-size: 13px; line-height: 25px; padding-bottom: 8px; padding-left: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" /></span> </blockquote>
<br />
ลำโพง (Speaker)<br />
<br />
<blockquote class="tr_bq">
<span style="background-color: white;"><img src="http://3.bp.blogspot.com/-_YahSmVxa9w/UNacCTh2-4I/AAAAAAAAAI0/En_iU7UwCOI/s200/476-561-thickbox.jpg" style="-webkit-box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; background-attachment: initial; background-clip: initial; background-image: initial; background-origin: initial; border-bottom-color: transparent; border-bottom-left-radius: 0px 0px; border-bottom-right-radius: 0px 0px; border-bottom-style: solid; border-bottom-width: 1px; border-left-color: transparent; border-left-style: solid; border-left-width: 1px; border-right-color: transparent; border-right-style: solid; border-right-width: 1px; border-top-color: transparent; border-top-left-radius: 0px 0px; border-top-right-radius: 0px 0px; border-top-style: solid; border-top-width: 1px; box-shadow: rgba(0, 0, 0, 0.199219) 0px 0px 0px; color: white; font-family: Lobster; font-size: 13px; line-height: 25px; padding-bottom: 8px; padding-left: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" /></span> </blockquote>
<br />
<blockquote class="tr_bq">
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ (People Ware)</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ หมายถึง คนที่มีความรู้ความสามารถในการใช้หรือควบคุมให้การใช้คอมพิวเตอร์เป็นไปอย่างราบรื่นอาจจะประกอบด้วยคนเพียงคนเดียว หรือหลายคนช่วยกันรับผิดชอบโครงสร้างของหน่วยงานคอมพิวเตอร์</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ (People Ware)</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
1.ฝ่ายวิเคราะห์และออกแบบระบบงาน</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
2.ฝ่ายเกี่ยวกับโปรแกรม</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
3.ฝ่ายปฎิบัติงานเครื่องและบริการ</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
บุคลากรในหน่วยงานคอมพิวเตอร์</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
1.หัวหน้าหน่วยงานคอมพิวเตอร์ (EDP Manager)</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
2.หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์และวางแผนระบบงาน (System Analyst หรือ SA)</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
3.โปรแกรมเมอร์ (Programmer)</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
4.ผู้ควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer Operator)</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
5.พนักงานจัดเตรียมข้อมูล (Data Entry Operator)</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
-นักวิเคราะห์ระบบงาน ทำการศึกษาระบบงานเดิม ออกแบบระบบงานใหม่</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
โปรแกรมเมอร์นำระบบงานใหม่ที่นักวิเคราะห์ระบบออกแบบไว้มาสร้างเป็นโปรแกรม</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
-วิศวระบบ ทำหน้าที่ออกแบบ สร้าง ซ่อมบำรุง และดูแลรักษาฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานได้ตามต้องการ</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
-พนักงานปฎิบัติการทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการปฎิบัติหน้าที่ หรือภารกิจประจำวัน ที่เกี่ยวข้องกัน</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
อาจแบ่งประเภทของบุคลากรคอมพิวเตอร์เป็นระดับต่างๆ ได้ 4 ระดับดังนี้</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
1.ผู้จักการระบบ (System Manager)</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงาน</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
2.นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst)</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
คือ ผู้ที่ศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่และทำการวิเคราะห์ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ในการใช้คอมพิวเตอร์กับระบบงาน เพื่อให้โปรแกรมเมอร์เป็นผู้เขียนโปรแกรมให้กับระบบงาน</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
3.โปรแกรมเมอร์ (Programmer)</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
คือ ผู้เขียนโปรแกรมสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ทำงานตามความต้องการของผู้ใช้โดยเขียนตามแผนผังที่นักวิเคราะห์ระบบได้เขียนไว้</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
4.ผู้ใช้ (User)</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
คือ ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่งไป ซึ้งต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่อง และวิธีการใช้งานโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมที่มีอยู่สามารถทำงารได้ตามที่ต้องการ </blockquote>
<br />
<br />
<span style="font-family: Lobster;"><br /></span>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/12859495654903726330noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7606303831875875327.post-34215299987295920542013-01-10T22:41:00.005-08:002013-01-10T22:44:01.206-08:00งานที่ได้รับมอบหมาย (Assignment)<br />
<br />
<blockquote class="tr_bq">
Search Engine หมายถึง</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
Search Engine (เสิร์ชเอนจิน) เป็นโปรแกรมในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ผ่านระบบเว็บไซต์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ข้อมูลที่ต้องการค้นหา เรียกอย่างเป็นทางการว่า "โปรแกรมช่วยในการสืบค้นข้อมูล" ซึ่ง Search Engine สามารถสืบค้นได้ทั้งข้อความ รูปภาพ สื่อมัลติมิเดีย ภาพเคลื่อนไหว วีดิโอ และข้อมูลอื่น ๆ ได้ตามต้องการ โดยการกรอกคำค้นหา (Keyword) ลงไปในช่องคำค้นหาและคลิกค้นหา Search Engine ก็จะรายงานเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหานั้น ๆ ออกมาแสดงผลให้ผู้ใช้งานได้เห็น ผู้ใช้งานก็จะเลือกอ่าน Title, Description ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาหรือข้อมูลที่ต้องการและคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ข้อมูลเพื่อค้นหาข้อมูลต่อไป</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
ประโยชน์ของ Search Engine</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
Search Engine นั้นมีประโยชน์อย่างมากในการค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตและเป็นเหมือนตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้งานและเว็บไซต์ ปัจจุบันผู้ใช้งานส่วนใหญ่ใช้งาน Search Engine มากกว่าการเข้าชมเว็บไซต์โดยตรง เพราะว่าเว็บไซต์บนโลกมีมากมายหลายร้อยหลายพันล้านเว็บไซต์ และเราไม่สามารถรู้ได้ว่าข้อมูลที่เราต้องการนั้นอยู่ในเว็บไซต์ใด เพราะฉะนั้นผู้ใช้งานจึงใช้ Search Engine เป็นตัวกลางในการค้นหาข้อมูล เพื่อที่จะเข้าไปยังเว็บไซต์ที่มีข้อมูลที่ต้องการอยู่นั่นเอง</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
การทำงานของ Search Engine</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
Search Engine แต่ละประเภทจะมีการทำงานที่คล้าย ๆ กันนั่นคือ การส่ง Web Crawler หรือ Spider ไปเก็บข้อมูลเว็บไซต์ต่าง ๆ เข้ามาเก็บไว้ในระบบ เพื่อจัดทำเป็นดัชนี (Indexing) การค้นหา และเมื่อผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine ตัวโปรแกรม Search Engine ก็จะทำการประมวลผลด้วยอัลกอลิทึมการจัดอันดับ (Ranking) และนำผลลัพท์จากข้อมูลที่มีอยู่ออกมาแสดงผลให้ผู้ใช้งานได้เห็น</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
Search Engine ที่เป็นที่นิยม</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
ในปัจจุบันผู้ใช้งานในประเทศไทยจะใช้งาน Google Search Engine ซึ่งคิดเป็น % แล้วมากถึง 95% เลยทีเดียว เนื่องด้วยคุณภาพ ความเร็วในการค้นหา และลูกเล่นอื่น ๆ เพราะฉะนั้นผู้ที่ต้องการทำ SEO ก็ควรที่จะศึกษาการทำงานของ Google เพื่อที่จะทำให้อันดับการค้นหาของเว็บไซต์ตัวเองอยู่ในอันดับต้น ๆ ได้นั่นเอง</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
ไทยมีบอร์ด กับ Search Engine</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
ไทยมีบอร์ดขับเคลื่อนโดย SMF ซึ่งในเรื่องของ SEO นั้นถือว่ามีโครงสร้างทาง On Page ที่ดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผู้ใช้งานที่ใช้บริการเว็บบอร์ดของไทยมีบอร์ดไม่จำเป็นที่จะต้องปรับแต่งโครงสร้างใด ๆ ของเว็บบอร์ดเลย เพียงแต่ต้องทำ Off Page ใน Keyword และหน้าที่ต้องการโดยการหา Backlink เข้าสู่เว็บไซต์ เพื่อที่จะทำให้อันดับการค้นหาอยู่ในอันดับต้น ๆ ได้ เพราะว่าเมื่อผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลต่าง ๆ แล้วเห็นเว็บไซต์ของเราอยู่ในอันดับต้น ๆ ผู้ใช้งานก็ย่อมที่จะคลิกสู่เว็บไซต์เราเป็นแน่ เพียงแค่นี้ก็จะได้คนเข้าเว็บ (Traffic) กันแล้ว</blockquote>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/12859495654903726330noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7606303831875875327.post-19778356579998186072012-11-23T00:17:00.000-08:002012-11-23T00:17:01.336-08:00<br />
<blockquote class="tr_bq">
<b>ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ</b></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
- รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
- พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
- การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน</blockquote>
<br />
<blockquote class="tr_bq">
<b>รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน</b></blockquote>
<br />
<blockquote class="tr_bq">
เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจำแนกตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 6 รูปแบบ ดังต่อไปนี้คือ</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
1. เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บข้อมูล เช่น ดาวเทียมถ่ายภาพทางอากาศ, กล้องดิจิทัล, กล้องถ่ายวีดิทัศน์, เครื่องเอกซเรย์</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
2. เทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล เป็นสื่่อบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เช่น เทปแม่เหล็ก, จานแม่เหล็ก, จานแสงหรือจานเลเซอร์, บัตรเอทีเอ็ม</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
3. เทคโนโลยีที่ีใช้ในการประมวลผลข้อมูล ได้แก่ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์ และ ซอฟต์แวร์</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
4. เทคโนโลยีที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูล เช่น เครื่องพิมพ์, จอภาพ, พลอตเตอร์ ฯลฯ</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
5. เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดทำสำเนาเอกสาร เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร, เครื่องถ่ายไมโครฟิล์ม</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
6. เทคโนโลยีสำหรับถ่ายทอดหรือสื่อสารข้อมูลได้แก่ ระบบโทรคมนาคมต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์, วิทยุกระจายเสียง, โทรเลข, เทเล็กซ์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งระยะใกล้และระยะไกล</blockquote>
<br />
<blockquote class="tr_bq">
<b>ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ</b></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในทางธุรกิจ และการศึกษา ดังตัวอย่างเช่น</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
- ระบบเอทีเอ็ม</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
- การบริการและการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ต</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
- การลงทะเบียนเรียน</blockquote>
<br />
<blockquote class="tr_bq">
<b>พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร</b></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
การแสดงออกทางความคิดและความรู้สึกในการใช้รูปแบบของเทคโนโลยีทุกประเภท ที่นำมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการจัดหา จัดเก็บ สร้างและเผยแพร่สารสนเทศในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ ภาพ ข้อความ หรือ ตัวอักษร ตัวเลขและภาพเครื่อนไหว เป็นต้น</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<b>การใช้อินเตอร์เน็ต</b></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
งานวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาพบว่า</blockquote>
<br />
<blockquote class="tr_bq">
นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อความบันเทิง เนื่องจากเห็นว่ามีความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ในขณะที่การใช้อินเตอร์เน็ตของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาส่วนใหญ่ใช้เพื่อการเรียนรู้ การติดตามข่าวสารของสถานศึกษา</blockquote>
<br />
<blockquote class="tr_bq">
<b>ใช้อินเตอร์เน็ต ทำอะไรได้บ้าง</b></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
งานวิจัยชี้ว่า นักศึกษาใช้อินเตอร์เน็ตในการสนทนากับเพื่อนๆ และการค้นข้อมูลจากห้องสมุด</blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
นอกจากนี้งานวิจัยยังขี้ว่านักศึกษาส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ และประกอบการทำรายงาน</blockquote>
<br />
<br />
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"><b>สถาบันที่ที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ</b></span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">งานวิจัยพบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้าน และมีการใช้อินเตอร์เน็ตที่ห้องสมุดของสถาบัน</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีการใช้หรือมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศน้อย ในรูปแบบไหนบ้าง?</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"> งานวิจัยชี้ว่า นักศึกษามีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเหล่านี้น้อย ได้แก่ ฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การเรียนรู้แบบออนไลน์หรือ e-Learning วีดีทัศน์ตามอัธยาศัย (Video on Demand) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน</span></span></blockquote>
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"><b>การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน</b></span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">-การเรียนรู้แบบออนไลน์ (e-Learning)</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">-บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction-CAI) หรือ (Computer Aided Instruction)</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">-วีดีทัศน์ตามอัธยาศัย (Video on Demand - VOD)</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">-หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Books)</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">-ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library)</span></span></blockquote>
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"><b>การเรียนรู้แบบออนไลน์ (e-Learning)</b></span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"> เป็นการศึกษา เรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต (Internet) หรืออินทราเน็ต (Intranet) เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ตามความสามารถและความสนใจของตน โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอและมัลติมีเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียนผ่านเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) โดยผู้เรียนผู้สอนและเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัยสำหรับทุกคน โดยผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ (Learning for all : anyone, anywhere and anytime)</span></span></blockquote>
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"> บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction-CAI) คือบทเรียนคอมพิวเตอร์ซึ่งนำเสนอสารสนเทศที่ได้ผ่านกระบวนการสร้างและพิจารณามาเป็นอย่างดี โดยมีเนื้อหาวิชาหรือสารสนเทศ แบบฝึกหัด การทดสอบและการให้ข้อมูลป้อนกลับให้ผู้เรียนได้ตอบสนองต่อบทเรียนได้ตามระดับความสามารถของตนเอง เนื้อหาวิชาที่นไเสนอจะอยู่ในรูปมัลติมีเดีย ซึ่งประกอบด้วย อักษร รูปภาพ เสียง และ/หรือ ทั้งภาพและเสียง ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการนำหนักการเบื้องต้นทางวิตวิทยาการเรรยนรู้มาใช้ในการออกแบบโดดยอาศัยพฤติกรรมการเรียนรู้ (Learning Behavior) ทฤษฎีการเสริมสร้างแรง (Reinforcement Theory) ทฤษฎีการวางเงื่อนไขปฎิบัติ (Operant conditioning Theory ) ซึ่งถือว่าความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองและการเสริมสร้างแรงเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีจุดมุ่งหมายนำผู้เรียนไปสู่การเรียนรุ้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งอาศัยการสอนที่มีการวางโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เป็นการให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและมีผลย้อนหลังกลับทันทีและเรียนรุ้ไปทีละขั้นตอนอย่างเหมาะสมตามความต้องการและความสามารถของตน </span></span></blockquote>
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"> วีดีทัศน์ตามอัธยาศัย (Video on Demand - VOD) คือ ระบบการเรียนดูภาพยนตร์ตามสั่งที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูภาพยนตร์หรือข้อมูลภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงได้ตามต้องการ ตามสโลแกนที่ว่า "To view what one wants, when one wants". โดยสามารถใช้งานนี้ได้จารเครือข่ายสื่อสาร (Telecommunication Networks) ผู้ใช้งาน ซึ่งอยู่หน้าเครื่องลูกข่าย (Video Client) สามารถเรียกดูข้อมูลที่เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อตามต้องการและสามารถควบคุมข้อมูลวิดีโอนั้นๆ โดยสามารถย้อนกลับ (Rewind) หรือกรอไปข้างหน้า (Forward) หรือหยุดชั่วคราว (Pause) ได้เปรียบเสมือนการดูวิดีโอที่บ้านนั่นเองทั้งนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายไม่จำเป็นต้องดูข้อมูลเดียวกันกล่าวคือสามารถดูภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน หรือต่างกันก็ได้ </span></span></blockquote>
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"><b>หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Books)</b></span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"> คือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านได้ทางอินเทอร์เน็ต โดยมีเครื่องมือที่จำเป็นในการอ่านหนังสือประเภทนี้คือ ฮาร์ดแวร์ประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาอื่นๆ พร้อมทั้งติดตั้งระบบปฎิบัติการหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้อ่านข้อความต่างๆ ตัวอย่างเช่น ออร์แกไนเซอร์แบบพกพา พีดีเอ เป็นต้น ส่วนการดึงข้อมูล e-books ซึ่งจะอยู่บนเว็บไซต์ที่ให้บริการทางด้านนี้มาอ่านก็จะใช้วิธีการดาวน์โหลดผ่านทางอินเตอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ ลักษณะไฟล์ของ e-books หากนักเขียนหรือสำนักพิมพ์ต้องการสร้าง e-books จะสามารถเลือกได้สี่รูปแบบ คือ Hyper Teat Markup Language (HTML) , Portable Document Format (PDF) , Peanut Markup Language (PML) และ Extensive Markup Language (XML)</span></span></blockquote>
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"><b>ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library)</b></span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"> เป็นแหล่งความรู้ที่บันทึกข้อมูลไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและให้บริการสารสนเทศทางอิเล็กทรอนิกส์หรือผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต</span></span></blockquote>
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">คุณลักษณะที่สำคัญของห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์มีดังนี้ คือ</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">1.การจัดการทรัพยากรสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">2.ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศโดยทางอิเล็กทรอนิกส์</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">3.บรรณารักษ์หรือบุคลากรของห้องสมุดสามารถแทรกการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับห้องสมุดได้ เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ได้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">4.ความสามารถในการจัดเก็บ รวบรวมและนำส่งสารสนเทศสู่ผู้ใช้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์</span></span></blockquote>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/12859495654903726330noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7606303831875875327.post-25531355640978070312012-11-15T23:46:00.000-08:002012-11-26T20:18:30.292-08:00<h3>
<b><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">สารสนเทศ</span></b></h3>
<b><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ความหมายของสารสนเทศ</span></b><br />
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>สารสนเทศ</b> หมายถึงข่าวสารที่สำคัญ เป็นระบบข่าวสารที่กำหนดขึ้น และจัดทำขึ้นภายในองค์การต่างๆ ตามความต้องการของเจ้าของหรือผู้บริหารองค์การนั้นๆ</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">• <b>สารสนเทศ </b>ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Information หมายถึง ความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า สารสนเทศเป็นความรู้และข่าวสารที่สำคัญที่มีลักษณะพิเศษ ทั้งในด้านการได้มาและประโยชน์ในการนำไปใช้ปฎิบัติ</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>สารสนเทศ </b>มีความหมายตามที่ได้มีการให้คำจำกัดความที่ใกล้เคียงกัน ดังนี้</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">•<b> สารสนเทศ</b> หมายถึงข้อมูลทั้งด้านปริมาณและด้านคุณภาพที่ประมวลจัดหมวดหมู่เปรียบเทีบย และวิเคราะห์แล้วสามารถนำมาใช้ได้ หรือนำมาประกอบการพิจรณาได้สะดวกกว่าและง่ายกว่า</span></blockquote>
<b><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร ?</span></b><br />
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอที(IT)หรือ<u> Information and Communication Technology (ICT) </u>เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อสังคมในปัจจุบันมีความเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ การประมวลผลและการแสดงผลสารสนเทศ</span></blockquote>
<br />
<b><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">องค์ประกอบหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศ</span></b><br />
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>เทคโนโลยีสารสนเทศ</b> ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน คือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunication Techonigy)</span></blockquote>
<b><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> 1. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์</span></b><br />
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>คอมพิวเตอร์</b> จัดเป็นเทคโนโลยีหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศในยุคปัจจุบัน เนื่องจากคอมพิวเตอร์มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งด้านการบันทึก การจัดเก็บ การประมวลผล การแสดงผล และการสืบค้นหาข้อมูลสารสนเทศเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แบ่งเป็นเทคโนโลยีย่อยที่สำคัญได้ 2 ส่วน คือเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีซอฟท์แวร์ </span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>1.1 เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ </b>หมายถึง อุปกรณ์ทุกชนิดที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงเพื่อเชื่อมโยงจำแนกตามหน้าที่การทำงานออกเป็น 4 ส่วนคือ</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">-หน่วยรับข้อมูล</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">-หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู : CPU (Central Processing Unit)</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">-หน่วนแสดงผลข้อมูล (Output Unit) </span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">-หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage Unit)</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>1.2 เทคโนโลยีซอฟท์แวร์ (Software)</b>หมายถึงโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ซอฟท์แวร์ คอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 2 ประพเภท คือ</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">1.2.1 ซอฟท์แวร์ระบบ (System Software) หรือชุดคำสั้่งที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟร์แวร์ทำงานตามคำสั่ง </span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">1.2.2 ซอฟท์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือชุดคำสั่งที่ผู้ใช้ส่งเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ </span></blockquote>
<br />
<h4>
<b><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">2. เทคโนโลยสื่อสารโทรคมนาคม</span></b></h4>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันทั่วไป เช่น ระบบโทรศัพท์ ระบบดาวเทียม ระบบเครือข่ายเคเบิล และระบบสื่อสารอื่นๆ ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน</span></blockquote>
<div style="background-color: white; color: #333333; line-height: 20px; margin-top: 10px; text-align: left;">
</div>
<br />
<h4>
<b><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ</span></b></h4>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">- แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 4(2520-2524) การมีส่วนร่วมของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา </span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">- มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและปฏิบัติการของระบบสารสนเทศเพื่อการศึกกษาขึ้น</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">- ใน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ก็ได้เห็นมีความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษามากขึ้น </span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">- ใน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 มีการจัดทำแผนหลัก เพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการศึกษา</span></blockquote>
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติข้างต้น ทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อวงการการศึกษาของประเทศไทยมากขึ้น จะทำให้การศึกษาของชาติมีความเท่าเทียมทั่วถึง มีคุณภาพ และมีความต่อเนื่อง ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างคุ้มค่า</span></blockquote>
<div style="background-color: white; color: #333333; line-height: 20px; margin-top: 10px; text-align: left;">
</div>
<br />
<b><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา</span></b><br />
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ยุคที่ 1 การประมวลผลข้อมูล มีวัตถุประสงค์เพื่อการคำนวณและการประมวลผลของข้อมูลของรายการประจำ ( Transaction Processing ) เพื่อลดค่าใช้จ่ายทางด้านบุคคลากร </span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ยุคที่ 2 ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ มีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการตัดสินใจ ควบคุม ดำเนินการ ติดตามผลและวิเคราะห์ผลงานของผู้บริหารระดับต่างๆ</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ยุคที่ 3 การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ มีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเรียกใช้สารสนเทศที่ช่วยในการตัดสินใจ นำหน่วยงานไปสู่ความสำเร็จ</span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ยุคที่ 4 ยุคปัจจุบันหรือยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และระบบการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นเครื่องมิอช่วยในการจัดทำระบบสารสนเทศ และเน้นความคิดของผู้ให้บริการสารสนเทศแก่ผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นวัตถุประสงค์ที่สำคัญ</span> </blockquote>
<br />
<b><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา</span></b><br />
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">1. ให้ความรู้ ทำให้เกิดความคิดและความเข้าใจ</span><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">2. ใช้ในการวางแผนการบริหารงาน</span><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">3. ใช้ประกอบการตัดสินใจ</span><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">4. ใช้ในการควบคุมสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น</span><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">5. เพื่อให้การบริหารงานมีระบบ</span></blockquote>
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span>
<blockquote class="tr_bq">
<b><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">สรุป</span></b></blockquote>
<blockquote class="tr_bq">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 20px; text-align: left;"> การนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในวงการศึกษามีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศประเภทต่างๆ เช่น ดาวเทียมสื่อสาร ใยแก้วนำแสง อินเตอร์เน็ต ก่อให้เกิดระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการบริหารงานในสถานศึกษาต่างๆ เช่น ระบบบริหารจัดการห้องสมุด และระบบคอมพิวเตอร์เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษายังช่วยให้เกิดการลดความเหลื่อมล้ำของโอกาสทางการศึกษา เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา พัฒนาบุคคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยี</span> </span></blockquote>
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span>
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/12859495654903726330noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7606303831875875327.post-73171533771190082542012-11-15T22:56:00.002-08:002012-11-26T20:15:36.741-08:00<div style="text-align: center;">
<b><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู</span></b></div>
<div style="text-align: center;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">Information and Communication Technology for Teachers</span></div>
<div style="text-align: center;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">รหัส PC54504 3(2-2-5)</span></div>
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span>
<b><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">คำอธิบายรายวิชา</span></b><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span>
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่่อสาร เช่น ไมโครคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารข้อมูล ระบบเน็ตเวิร์ก ระบบซอฟต์เวร์ การจัดทรัพยากรสารสนเทศ เครื่องมือการเข้าถึงสารสนเทศ ทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ ฐานข้อมูลสารสนเทศ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิง ฝึกการปฏิบัติการ สามารถใช้่คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม</span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/12859495654903726330noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7606303831875875327.post-60463434155147542912012-11-08T23:37:00.001-08:002012-11-26T20:15:06.189-08:00Assignment 1<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"><b>1.จงอธิบายความหมายของคำต่อไปนี้ ตามความเข้าใจของนักศึกษาเอง</b></span><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"><br /></span>
<span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"> <b> 1.1 เทคโนโลยี(technology)</b> หมายถึง สิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร วัสดุ หรือแม้กระทั่งสิ่งที่ไม่ได้เป็นสิ่งของจับต้องได้ เช่นกระบวนการต่างๆ เทคโนโลยี เป็นการประยุกต์เอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช่ในการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด</span></span><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"><br /></span>
</span><br />
<div style="text-align: left;">
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 16px; white-space: pre-wrap;"> <b> 1.2 เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information technology)</b> หมายถึง เทคโนโลยีในการประมวลผลสารสนเทศ (คำว่าสารสนเทศหมายถึง ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้ว) ซึ่งก็คือเทคนิควิธีการต่าง ๆ ที่ถูกนำมาใช้จัดการข้อมูล (ข้อมูลคือข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้ผ่านการประมวลผล) เช่นการจัดเก็บข้อมูล การสือสารข้อมูลเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และง่ายดายยิ่งขึ้น ส่งผลต่อการพัฒนาความก้าวหน้าต่างๆ ในชีวิตประจำวัน</span></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 16px; white-space: pre-wrap;"><br /></span></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 16px; white-space: pre-wrap;"> <b> 1.3 เทคโนโลยีการสื่อสาร ( Communication technology)</b> หมายถึง ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการติดต่อ สือสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำให้เราสามารถติดต่อเชื่อมโยง ข้อมูลได้ทั่วโลกในรูปแบบของอินเตอร์เน็ต ก้อให้เกิดการนำ เทคโนโลยีการสื่สารข้อมูลมาใช้ในวงธุรกิจต่าง ๆ </span></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 16px; white-space: pre-wrap;"><br /></span></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 16px; white-space: pre-wrap;"><br /></span></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 16px; white-space: pre-wrap;"><b>2. Cyber Bully</b> หมายถึง การกลั่นแกล้งในโลกไซเบอร์ การประทุสร้าย หรือทำให้ผู้อื่นอับอาย ผ่านทางการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น E-mail และโทรศัพท์ ส่งนักเลงไซเบอร์ ตั้งใจคือการแสดวความเป็นศัตรู หรือแสดงออกในแง่ลบต่ออีกฝ่าย</span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-5j6HJGDbaUs/UJyytqMKM-I/AAAAAAAAAQY/axvVR5nRP9Q/s1600/%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="239" src="http://2.bp.blogspot.com/-5j6HJGDbaUs/UJyytqMKM-I/AAAAAAAAAQY/axvVR5nRP9Q/s320/%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7.jpg" width="320" /></a></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="color: #333333; font-family: 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: x-small;"><span style="line-height: 16px; white-space: pre-wrap;"><br /></span></span></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/12859495654903726330noreply@blogger.com0